ดีที่สุดในโลกที่เคยค้นพบ ผิวสวยใสพร้อมต้านมะเร็ง !

เบต้า กลูแคน (Beta Glucan) เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายๆ ชนิด แต่เรามักจะไม่ทราบเรื่องราวที่แท้จริงของเบต้า กลูแคนว่าคืออะไร ความจริงแล้ว เบต้า กลูแคน เป็นสารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่พบในผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ สาหร่าย หรือพืช อย่างข้วโอ๊ต และข้าวบาร์เล่ย์ ประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลกลูโคส

จากงานวิจัยทั่วโลก เบต้า กลูแคน มีการตอบสนองที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมหลายประเภท และยังมีผลในเรื่องของความงาม เนื่องจากเบต้า กลูแคน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประเภทหนึ่ง และจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เบต้า กลูแคน จะสามารถซึมซับเข้าร่างกายได้ดีที่สุดด้วยการรับประทาน

นอกจากนี้ การศึกษาของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ พบว่า เบต้า กลูแคนที่ผลิตจากสารตั้งต้นต่างกัน (จากยีสต์และจากพืช) จะให้ประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งหมายความว่า เบต้า กลูแคนแต่ละแหล่งที่มา ให้คุณประโยชน์ไม่เหมือนกัน

ทำไม เบต้า กลูแคน ถึงมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน

เบต้า กลูแคน เป็นสารในกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งพบได้ในสิ่งมีชีวิตหลายชนิดตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะโครงสร้างที่แตกต่างกัน เช่น เบต้า กลูแคนที่พบในยีสต์และเห็ดจะมีโครงสร้างเป็น Beta-1, 3/1, 6 ซึ่งหมายถึงตำแหน่งเชื่อมต่อหลักที่ตำแหน่ง 1 และ 3 ของโมเลกุล (หมายถึง ตำแหน่งเชื่อมต่อหลักที่ตำแหน่ง 1 และ 3 ของโมเลกุล และมีตำแหน่งเชื่อมต่อรองที่ตำแหน่ง 1 และ 6 ของโมเลกุล)

เม็ดเลือดขาวของเราคือกองทัพป้องกันประเทศ แบ่งเป็นหลายกรมกอง บางชนิดทำหน้าที่ปล่อยสารพิษใส่ผู้รุกราน บางชนิดเข้าไปเขมือบกิน

พบว่าบนผนังของเม็ดเลือดขาวทั้งนิวโทรฟิลมีหน้าที่กำจัดแบคทีเรีย แมโครฟาจคอยเขมือบกินและเก็บกวาดขยะ และ NK cell คอยต่อต้านมะเร็ง ต่างก็มีปุ่มรับที่พร้อมจะตอบสนองต่อสารเบต้ากลูแคน

ดังนั้น เมื่อรับเบต้ากลูแคนเข้าไป เซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทำงาน แต่เป็นการตื่นตัวที่สามารถควบคุมได้ ไม่กลายเป็นภูมิต้านทานไวเกิน

เมื่อศึกษาต่อไปพบว่า ปุ่มรับบนแมโครฟาจชื่อ Dectin-1 จะจับกับ beta 1,3/1,6 จากนั้นเข้าแมโครฟาจก็จะแบ่งตัวไปทำหน้าที่ทำความสะอาดตามเยื่อบุภายในของอวัยวะต่างๆ เช่น ถุงลมปอด ท่อตับ ผิวหนัง ไต เลือด เยื่อบุลำไส้ เยื่อหุ้มข้อ

ผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

  • ยับยั้งอนุมูลอิสระในร่างกาย
  • ปรับสมดุลของภูมิต้านทานที่ไวเกิน
  • ปรับสมดุลคอเลสเตอรอลและน้ำตาลเลือด
  • ช่วยระบายถ่ายท้อง
  • ช่วยสมานแผลให้หายเร็ว
  • แมโครฟาจถูกกระตุ้น
  • ต่อต้านทั้งไวรัสและแบคทีเรีย
  • ลดการอักเสบข้อรูมาตอยด์
  • ดูแลผิวพรรณให้สะอาด ให้ชุ่มชื้น

ต้านมะเร็ง

เมื่อเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวแมโครฟาจและ NK cell เป็นกระบวนหน้าสุดของการต่อต้าน เบต้า กลูแคน คือผู้สนับสนุนกองทัพที่แข็งขันเหล่านี้

ยังพบอีกว่าเมื่อแมโครฟาจถูกกระตุ้นจากเบต้ากลูแคน จะทำให้ Helper T cell ซึ่งเป็นเซลล์ผู้ช่วยปล่อยสารแอนติบอดี้ออกมา แอนติบอดี้จะเข้าไปจับผนังเซลล์มะเร็ง แล้วเรียก T killer cell เข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งนั้น

แมโครฟาจที่กระตุ้นด้วยเบต้ากลูแคนยังไปกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวมากขึ้น แล้วปล่อยเม็ดเลือดขาวจากไขกระดูกเข้าสู่กระแสเลือด

ทีนี้บทบาทในการร่วมรักษามะเร็งก็คือ ผู้ป่วยที่ถูกเคมีหรือรังสีภูมิต้านทานมักจะตก จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย แถมรังสีบำบัดยังกดไขกระดูกทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง

“มีงานวิจัยพบว่าเบต้ากลูแคนไปกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น”

มีงานวิจัยการใช้เบต้า กลูแคน ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะต่างๆ และรับการรักษาทั้งเคมีบำบัดหรือสารยับยั้งเอนไซม์บ้างเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่าสารนี้สามารถกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวและปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระหว่างรังสีรักษา รังสีเป็นอนุมูลอิสระอย่างหนึ่งนอกจากทำลายเซลล์มะเร็งแล้วก็ทำลายเซลล์ดีด้วย เบต้า กลูแคน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยปกป้องเซลล์แมโครฟาจจากการถูกทำลายของรังสี

คุมคอเลสเตอรอล

สารนี้คุมคอเลสเตอรอลได้ด้วยการยับยั้งการดูดซึมในลำไส้ ทั้งยังจับเข้ากับโมเลกุลคอเลสเตอรอลแล้วกำจัดออกไป ในด้านหนึ่งสารนี้ยังยับยั้งตับไม่ให้สร้างคอเลสเตอรอลมากไป

รักษาข้ออักเสบ

นอกจากยับยั้งการอักเสบแล้ว สารนี้ยังกระตุ้นไฟโบรบลาสท์ให้สร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อมากขึ้น

สมานแผล ดูแลผิวพรรณ

เซลล์เขมือบในตระกูลแมโครฟาจที่ผิวหนังคือเซลล์แลงเกอฮาน สารนี้กระตุ้นเซลล์เขมือบที่ผิวหนังให้ทำหน้าที่กำจัดสารเสียได้เร็วขึ้น ผิวพรรณจึงสะอาด ขณะเดียวกัน สารนี้จับตัวเข้ากับไฟโบรบลาสท์กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และสารฮัยยาลูโรนิกให้ความอ่อนเยาว์แก่ผิว

เบต้า กลูแคน เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่ไวต่อการเกิดภูมิแพ้
  • ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อทุกชนิด
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย
  • ผู้ที่เป็นมะเร็งทุกชนิด
  • ผู้ที่เป็นโรคข้อกระดูกอักเสบ
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูงในเลือด
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีโรคภูมิต้านทานทำลายตัวเอง (โรคพุ่มพวง)
  • ผู้ที่เป็นแผลหายช้าหรือหายยาก รวมทั้งแผลจากเบาหวาน
  • นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกาย ซึ่งต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสี หรือฉีดยาคีโมเพื่อรักษามะเร็ง รวมทั้งในคนที่เกิดอุบัติเหตุจากรังสีทุกชนิด
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน หมายถึง ภูมิต้านทานบกพร่อง หรืออ่อนแอซึ่งจะพบมากในผู้สูงอายุ