น้ำมันปลา (Fish Oil) กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ?

น้ำมันปลา คืออะไร ?

น้ํามันปลา หรือ Fish Oil คือส่วนที่สกัดมาจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว และหางของปลา โดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำมันปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด

น้ำมันปลาประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นหลัก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะว่าร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น สำหรับกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-6 นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยลดไขมันในเลือดได้ นอกจากปลาแล้วยังพบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น

น้ํามันปลา จากแหล่งธรรมชาติที่ดีควรมาจากปลาทะเล อย่างเช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาชอคฟิช ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล หอยกาบ หอยนางรม หอยพัด กุ้ง ปลาหมึก และสำหรับปลาอื่น ๆ เผื่อไว้เป็นตัวเลือก เช่น ปลาตาเดียว ปลามาฮิมาฮิ ปลากะพงแดง ปลาเทราต์ (ปลอดภัยสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และรับประทานได้ไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง)

ขึ้นชื่อว่า “น้ำมัน” มักไม่ดีต่อร่างกาย แล้ว “น้ำมันปลา” ดีไหม ?

เมื่อกล่าวถึงคำว่าน้ำมัน คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าไขมันในน้ำมันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือแม้แต่โรคร้ายอย่างมะเร็ง แต่คุณทราบหรือไม่ว่าไขมันบางชนิดเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะไขมันโอเมกา-3 (Omega-3) ที่พบได้มากใน น้ำมันปลา ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย เราลองมาดู คุณประโยชน์ของ น้ำมันปลา ว่าสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพคุณได้อย่างไร

1. บรรเทาอาการโรคข้อกระดูกอักเสบ
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบริสตอลพบว่า ไขมันโอเมก้า-3 ใน น้ำมันปลา สามารถบรรเทาอาการของโรคข้อกระดูกอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อทำการทดลองให้อาหารที่มีโอเมก้า-3สูงแก่หนูตะเภาที่เป็นโรคข้อกระดูกอักเสบ พบว่าสามารถช่วยรักษาโรคได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับหนูที่กินอาหารแบบปกติ
2. ชะลอความชรา
การที่เทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมสั้นลง สามารถเป็นสัญญาณเตือนได้ว่าร่างกายกำลังแก่ชรา เนื่องจากเมื่อเทโลเมียร์สั้นลง ระบบการทำงานในร่างกายจะเสื่อมถอยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเทโลเมียร์มีความสัมพันธ์กับไขมันโอเมก้า-3 เนื่องจากมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า เมื่อลองสังเกตคนไข้ 600 คนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่ายิ่งคนไข้มีไขมันโอเมก้า-3 ในเลือดสูงมากเท่าไร เทโลเมียร์ก็จะมีความยาวมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณอยากดูเด็กกว่าวัย ก็ควรบริโภคอาหารจำพวกปลาอย่างแซลมอนซึ่งนับว่าเป็นแหล่งของโอเมกา-3 ชั้นยอด
3. ช่วยให้ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายดีขึ้น
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การบริโภค น้ำมันปลา ควบคู่กับการออกกำลังกายสามารถช่วยให้ไขมันในร่างกายลดลง โดยให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานที่เป็นโรคอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจ ทำการบริโภค น้ำมันปลา ชนิดโอเมก้า-3 ควบคู่กับการเต้นแอโรบิคอาทิตย์ละสามวันเป็นระยะเวลา 12 อาทิตย์ ผลปรากฏว่าไขมันบริเวณท้องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้ผลกับผู้ที่บริโภค น้ำมันปลา หรือออกกำลังกายแบบแยกต่างหาก
4. เสริมสร้างพลังให้สมองและความจำ
มีนักวิจัยพบว่า อาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้โครงสร้างสมองของผู้ที่บริโภคกับไม่บริโภคแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีอีกผลการศึกษาหนึ่งที่ทดลองกับหนู ก็ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างน้ำมันปลากับสมองเช่นกันโดยมีผลต่อการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำและความคิด
5. รักษากล้ามเนื้อที่ไร้ไขมัน (Lean Muscle) ในผู้ป่วยมะเร็ง
การบริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมอาจสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อของผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่านการทำเคมีบำบัดได้ ซึ่งมีการทดสอบหนึ่งได้ทำการแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่บริโภคน้ำมันปลาจำนวน 16 คน และไม่บริโภคน้ำมันปลา 24 คน ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่สองน้ำหนักลดลงโดยเฉลี่ย 2.3 กิโลกรัม ในขณะที่ผู้ป่วยกลุ่มแรกยังคงมีน้ำหนักเท่าเดิม แต่สิ่งที่น่าสนใจในการทดลองนี้ คือ ผู้ป่วยกว่า 69 เปอร์เซ็นต์ มีมวลของกล้ามเนื้อเท่าเดิมหรือมากขึ้นอีกด้วย
6. ช่วยให้สุขภาพกระดูกดีขึ้น
ไม่เพียงแต่แคลเซียม วิตามินดี และแมกนีเซียมจะเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูกเท่านั้น แต่ยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด DHA ที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า หนูทดลองที่ได้กินอาหารที่มีโอเมก้า-6 จะมีความหนาแน่นของกระดูกต่ำกว่าหนูที่กินอาหารที่มีโอเมก้า-3 อีกด้วย
7. ปกป้องร่างกายจากมลภาวะทางอากาศ
น้ำมันปลาสามารถช่วยปกป้องอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจจากมลภาวะทางอากาศได้ โดยมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า เมื่อลองให้ผู้ใหญ่วัยกลางคน จำนวน 29 คน บริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมด้วยปริมาณ 3 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และให้ทุกคนไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยในกลุ่มคนดังกล่าวจะมีผู้ที่ได้รับยาหลอกด้วย (Placebo) หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาแห่งการทดลอง นักวิจัยพบว่าในกลุ่มคนที่บริโภคน้ำมันปลานั้นไม่ปรากฏอาการด้านลบต่อมลพิษเท่ากับกลุ่มที่บริโภคยาหลอก

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าน้ำมันปลามอบประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนั้นการบริโภคน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมเป็นประจำ จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นได้แน่นอน

ปลา ปลา ปลา… ถึงเวลาต้องทานแล้วสิ

คุณประโยชน์ของน้ำมันปลามีมากมายนานับประการ ถึงเวลาต้องเพิ่มเมนูปลาไว้เป็นอาหารในแต่ละมื้อของคุณ แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบรับประทานปลา หรือ ไม่สามารถรับประทานปลาได้อย่างสม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันปลาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ง่ายและสะดวกให้คุณสามารถเลือกทานได้ง่ายๆ ในทุกวัน